Tuesday 9 September 2008

“ไม่ค่อยมีน้ำนมแม่”

ทำไมน๊า ถึงไม่ค่อยมีน้ำนม ทั้งที่คุณหมอ และผู้เชี่ยวชาญต่างบอกตรงกันว่า น้ำนมแม่ดีที่สุด และเป็นเรื่องที่คนเป็นแม่ก็รู้ดี ไม่มีใคร ปฏิเสธว่าน้ำนมแม่ไม่ดีแต่ ทำไมคุณแม่ยุคนี้มักบอกว่า “ไม่ค่อยมีน้ำนม”คุณแม่จำนวนไม่น้อยที่ให้นมแม่มาระยะหนึ่ง ก็ต้องเลิกราไป หันไปพึ่งนมผง
ปัญหาก็คือ คุณแม่ยุคสมัยนี้มักเป็นผู้หญิงทำงานกันซะส่วนใหญ่ ทำให้ไม่สามารถจะให้นมแม่อย่างจริงจัง และต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะขาดความรู้ความเข้าใจที่เหมาะสม และความไม่สะดวกทั้งหลายในการปั๊มนมในที่ทำงาน ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในการให้นมแม่ อีกทั้งยังมีนมผงสารพัดยี่ห้อที่เข้ามาโฆษณาชวนเชื่อ มีแผนการตลาดที่แยบยล เย้ายวน คนเป็นแม่จนเขว และในที่สุดก็ไม่สามารถที่จะให้นมแม่อย่างต่อเนื่อง ก็เลยต้องตกเป็นเหยื่อของนมผง ในที่สุด นมแม่ก็ค่อยๆ แห้งเหือด และกลายเป็นปัญหาว่า “ไม่ค่อยมีน้ำนมแม่” นั่นเอง
แท้จริงแล้ว ถ้าคนเป็นแม่มีความมุ่งมั่นอดทน และตั้งใจในการที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวล่ะก็ โอกาสประสบความสำเร็จสูงมาก การให้นมแม่จะไปด้วยดี คือการปฏิบัติตัว และสิ่งสำคัญที่สุดคือ การรับประทานอาหาร ที่ต้องมีความใส่ใจ และมีความรู้ จึงจะทำให้อาหารที่เรารับประทานเข้าไป สามารถเรียกน้ำนมแม่ได้เพิ่มมากขึ้น เรื่องการปฏิบัติตัวก็คือ หลังจากที่เพิ่งคลอดได้ไม่นาน คุณแม่ต้องพยายามให้นมลูกในทันที ให้บ่อยๆ ให้สม่ำเสมอ ช่วงแรกๆ อาจจะไม่ค่อยมี ก็ขอให้อดทนให้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะจะเป็นการกระตุ้นต่อมน้ำนมซึ่งน้ำนมช่วงแรกที่เป็นสีเหลืองเรียกว่า คลอลอสตรัม เปรียบเสมือนเป็นหัวน้ำนมที่จะช่วยสร้างภูมิต้านทานให้กับลูก ถือเป็นการสร้างภูมิต้านทานที่ดีที่สุดชนิดที่ไม่ต้องให้ลูกเจ็บตัวอีกต่างหาก คุณแม่บางท่านค่อนข้างเป็นห่วงกังวลเรื่องหน้าอก บางคนหน้าอกเล็กกลัวไม่มีน้ำนม บางคนก็หัวนมบอดก็บอกว่าให้นมลูกได้ แท้จริงแล้วขนาดไม่ใช่อุปสรรคและประเด็นสำคัญ อยู่ที่ขนาดของหัวใจของคนเป็นแม่มากกว่าว่ารักลูกมากแค่ไหน คนนมเล็กแต่ถ้ามีวิธีการปฏิบัติตัว และความรู้ในการให้นมลูก รู้จักวิธีการกระตุ้นที่จะให้มีน้ำนม ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ ส่วนคนที่หัวนมบอดก็ปรึกษาคุณหมอ หรือผู้เชี่ยวชาญ หรือศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ก็ได้ สำหรับคนเป็นแม่ที่อยากให้นมลูก มีวิธีแก้ไข และสามารถปฏิบัติได้ด้วยตัวเองอีกต่างหาก อย่าไปคิดมาก หรือกลุ้มอกกลุ้มใจ กลัวนั่นกลัวนี่ ตัดความกังวลทุกๆ เรื่องออกไป ทำใจให้สบาย ไม่เครียดกับเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น เพราะความเครียดก็เป็นตัวหนึ่งที่ทำให้น้ำนมมีน้อยและลดลง แล้วลองเปลี่ยนความกลัว กังวลเป็นความตั้งมั่นที่จะให้นมลูกให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คิดว่าเรามีนมมากมายเหลือเฟือ พอสำรับลูก รับรองมีน้ำนมแน่ๆ ส่วนเรื่องอาหาร ก็ต้องให้ความสำคัญเหมือนกัน มีวิธีปฏิบัติตัวแบบง่ายๆ คือ

หนึ่ง - รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นที่สด ปรุงสุก สะอาด และปลอดภัย ไม่ต้องกลัวอ้วนหรอกค่ะ กินได้ก็กินเข้าไปให้เต็มที่ แต่อย่าทานรสจัดนะ อดใจไว้หน่อย แล้วท่องเอาไว้ในใจว่าเรากินอะไรเข้าไป ลูกก็ได้อย่างนั้น
สอง - ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ เน้นว่าน้ำอุ่นเท่านั้น สำคัญมาก อย่าดื่มน้ำเย็น และควรงดบรรดาน้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แล้วท่องเอาไว้ในใจว่าเราดื่มอะไรเข้าไป ลูกก็ได้อย่างนั้น
สาม – เลือกรับประทานอาหารประเภทกระตุ้นน้ำนม หรือเร่งน้ำนม หรือเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่นั่นแหละค่ะ เมนูสุดฮิตและมักได้ผลต้องยกให้ แกงเลียงหัวปลี อีกหนึ่งเมนู คือ หมูผัดขิง หรือไก่ผัดขิง รวมถึงสารพัดเมนูขิงทั้งหลาย หรือเมนูปลานึ่งที่ใส่ขิงด้วย แต่ขอให้รับประทานตอนร้อนๆ เพราะจะช่วยเร่งน้ำนมได้ดี อาหารต่างๆ เหล่านี้ คุณแม่สามารถรับประทานได้ตั้งแต่ตอนตั้งครรภ์ ถือเป็นการเตรียมความพร้อมไว้ก่อน
เรื่องการให้นมแม่ ใครว่าไม่สำคัญ ในอดีตแม่ของเราก็เลี้ยงพวกเรามาด้วยนมสองเต้านี่แหละ เมื่อได้นมแม่ที่เป็นอาหารคุณภาพเยี่ยม และมีความรักที่เต็มหัวใจ ความผูกพันที่เปี่ยมล้นระหว่างแม่ลูก ก็เท่ากับเป็นการสร้างภูมิต้านทานทางใจได้อีกด้วย เมื่อคนเรามีความรักก็อยากจะปันความรักไปสู่ผู้อื่น ใช่ไหมละ งั้นก็พยายามกันต่อไปน้า

No comments: